การทำนา เป็นอาชีพหลักของเกษตรกรในภาคเหนือและเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี นอกจากใช้บริโภคในครัวเรือนแล้ว เกษตรกรบางรายนำผลผลิตที่นอกเหนือจากการแบ่งไว้กินก็จะนำไปขาย เกษตรกรทางภาคเหนือจะทำนาดำกันมากกว่าการทำนาหว่าน นาหว่านจะทำกันน้อยมาก ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่เพาะปลูกข้าวจะแบ่งเป็นแปลงเล็กฯ และมีคันนากั้นไว้ ทำให้ไม่สะดวกกับรถเกี่ยวข้าวซึ่งคันใหญ่เหยียบคันนาของเกษตรกรพังเสียหาย ทำให้เกษตรกรทางภาคเหนือจึงนิยมการทำนาดำกันตามแบบดั่งเดิมที่เคยทำกันมา และใช้แรงงานคนในการเก็บเกี่ยวข้าว
การปลูกข้าวหรือการทำนามีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน
คือ 1. การทำนาดำ
2. การทำนาหว่าน
2. การทำนาหว่าน
3. การทำนาหยอด
4. การทำนาถาด
4. การทำนาถาด
สำหรับฤดูทำนาปี (พันธุ์ข้าวไวต่อช่วงแสง) สำหรับพันธุ์ที่ใช้ปลูกกัน เช่น พันธุ์ข้าว กข.6 จะปลูกกันเยอะที่จังหวัดเชียงรายปลูกกันมากส่วนพันธุ์สันป่าตอง1เกษตรกรบางรายก็นิยมปลูกกันการทำนาในประเทศไทยเราก็จะเริ่มราวเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฏาคมอาจคาบเกี่ยวไปจนถึงเดือนสิงหาคม เนื่องจากฤดูทำนาแถวภาคเหนือตรงกับช่วงของลำไยเริ่มสุกเกษตรกรบางส่วนต้องไปรับจ้างเก็บลำไยทำให้ขาดแรงงานในการจ้าง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนอีกด้วยและเมื่อครบ 3 เดือนข้าวที่ปักดำ หรือหว่านไว้จะสุกงอมเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยวต่อไป
ส่วนนาปรัง (พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง) สามารถเพาะปลูกได้ทั้งนาปีและนาปรัง ทำได้ตลอดปี เพราะพันธุ์ข้าวที่ใช้ปลูกเป็นพันธุ์ที่ไม่ไวต่อช่วงแสง เช่น พันธุ์สุพรรณบุรี1, สุพรรณบุรี2 เมื่อข้าวเจริญเติบโตครบกำหนดอายุก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนั้นเกษตรกรบางรายก็จะปลูกข้าวญี่ปุ่นกัน ข้าวญี่ปุ่นจะเริ่มปลูกในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนมกราคม จะให้ผลผลิตสูงกว่าฤดูนาปี เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งมีอุณหภูมิเหมาะสมในการเจริญเติบโต ข้าวญี่ปุ่นจะปลูกกันมากแถวอำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่จัน อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอพาน และอำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย