ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

"เวียงกาหลงเมืองวัฒนธรรมแดนพุทธภูมิ ถิ่นกาขาว" ณ ที่แห่งนี้เป็นดินแดนแห่งตำนานและเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เงียบสงบสวยงามร่มเย็นด้วยต้นไม้ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ภายในบริเวณของเวียงกาหลงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๙ มหามงคล ให้ได้สักการะกราบไหว้.......ดังนี้ ท้าวฆติกามหาพรหม (พระแม่กาเผือก) เจ้าพ่อ เจ้าแม่เวียงกาหลง, พระยอดขุนพลเวียงกาหลง, พระอุปคุตมหาเถระเจ้า ทรงชนะพญามาร,  พระสยามเทวาธิราช, พระแม่ธรณี ศรีแห่งแผ่นดิน, เจ้าแม่กวนอิม อวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์เจ้า, พระศรีอาริเมตไตร พระศรีอาริย์มหาโพธิสัตว์เจ้า, พระบรมครูพ่อปู่หมอชีวกโกมารภัจ

นอกจากสิ่งศักดิ์ิสิทธิ์ ๙ มหามงคลแล้ว ยังมีท้าวอมรินทร์เทวาธิราช (พระอินทร์) พระพิฆเนศวร เทพบรมครูแห่งศิลปวิทยา ๑๘ ประการ พระถังซัมจั่ง (หลวงจีนเฮี่ยนจัง) ที่สร้างอย่างสวยงามให้สักการะอีกด้วย

ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง อยู่ที่ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ถ้ามาจากเชียงรายหรือจากเชียงใหม่เมื่อมาถึงแม่ขะจาน จะเจอทางแยกที่จะไปอำเภอวังเหนือ ให้ใช้เส้นทางนี้ ขับไปประมาณ 3 กิโลเมตร  ก็จะเจอป้ายบ้านเวียงกาหลง เลี้ยวซ้ายเข้าไปก็จะเป็นศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง หาง่าย รับรองได้ว่าไม่หลงเหมือนกับชื่อ "เวียงกาหลง"

เจอป้ายเลี้ยวซ้าย
ถิ่นกาขาว ชาวศรีวิไล
ท้าวฆติกามหาพรหม (พระแม่กาเผือก)
ท้าวอมรินทร์เทวาธิราช (พระอินทร์) ทรงช้างเอราวัณ
พระพิฆเนศวร เทพบรมครูแห่งศิลปวิทยา ๑๘ ประการ
พระถังซัมจั่ง (หลวงจีนเฮี่ยนจัง) 












พระสยามเทวาธิราช ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

ปกป้องผืนแผ่นดินไทย สงบร่มเย็น เป็นอิสระ พรหมเทพดา บูรพมหากษัตริย์ยาธิราชเจ้า ผู้คอยเฝ้าพิทักษ์รักษาชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยจึงมีเอกราช ไม่ตกเป็นทาสเมืองขึ้นของใคร 

กล่าวถึงเมื่อสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ยุคแห่งการล่าอณานิคมของชาติมหาอำนาจตะวันตก ได้ใช้เล่ห์กลทางการค้าอำนาจอาวุธและเรือรบบังคับทำสงคราม แล้วยึดเอาหลายประเทศทางตะวันออกที่ไม่ยินยอมทำตามสนธิสัญญาเป็นเมืองขึ้น แต่ประเทศไทยกลับรอดพ้นมาได้เพียงประเทศเดียว 

พระองค์จึงทรงดำริว่าน่าจะมีเหล่าพรหมเทพยา คอยติดตามดูแลปกปักรักษาชาติบ้านเมือง จึงให้จัดสร้างเทวดาทรงเครื่องสูง ๘ นิ้ว ท่ายืน พระหัตถ์ถือพระขรรค์หล่อด้วยทองคำ ประดิษฐานในวิมานพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ต่อมาเรียกว่า "พระสยามเทวาธิราช" ทรงทำการสักการะบูชาทุกวัน ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก สถิตย์อยู่คู่ชาติ คู่บ้าน คู่เมือง และได้มีการจำลองสร้างไว้ในที่ต่างๆ เพื่อบูชาสักการะเป็นสิ่งเตือนใจให้ได้ทำงานทดแทนบุญคุณแผ่นดินมาจนถึงตราบเท่าทุกวันนี้ ผู้บูชาสักการะ จะเจริญด้วยยศ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ทำมาหากินค้าขายเจริญรุ่งเรือง






เมือโบราณจำลอง





พระแม่ธรณี ศรีแห่งแผ่นดิน ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง จ.เชียงราย

ในพุทธประวัติ ขณะเมื่อวันครั้งจะตรัสรู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับ ณ พระแท่นวัชรอาสน์ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ได้ตั้งอธิษฐานด้วยจิตใจอันแข็งแกร่งประดุจเพชรว่า "ถึงแม้ว่าเลือดเนื้อและร่างกายนี้จะเหือดแห้งเหลือแต่เอ็นและกระดูกก็ตามที หากยังไม่บรรลุอนุตตรสัมมา สัมโพธิญาณเราจะไม่ล้มเลิกความเพียร ลุกไปจากที่นั่งนี้เป็นเด็ดขาด" ประณิธานนี้ ร้อนถึงจิตริษยาด้วยมิจฉาทิฏฐิของพระสุรัสสวดีมาร เห็นผิดคิดเกรงว่าหากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เมื่อใดจะสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้บรรลุธรรมกันหมด จะไม่เหลือใครอยู่ใต้อำนาจของตน จึงขี่ช้างคิริเมขนำทัพเสนามารและบริวารมาขัดขวาง จนเหล่าเทวดาหลบหนีไปหมดทิ้ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผจญมารเพียงลำพัง 

พระพุทธองค์ทรงวางพระหัตถ์แล้วอ้างถึงพระนางเทวธิดา สุนธรีพระแม่เจ้าแห่งธรณีให้มาเป็นสักขีพยานที่ได้รับรู้ทุกครั้งที่ทรงกรวดน้ำอธิษฐานขณะสร้างพระบารมี ๓๐ ทัศน์ที่บำเพ็ญมา ๒๐ อสงไขย์ แสนมหากัป จนครบถ้วนสมบูรณ์ถึงขณะนี้ 

พระแม่ธรณีจึงปรากฏกายขึ้นทำแผ่นดินให้หวั่นไหวแล้วบิดมวยผมหลั่งน้ำแห่งพุทธบารมีไหลท่วมทำลายทัพพญามารแตกพ่ายไป เป็นเหตุให้ทรงชนะพญามารและได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อานิสงส์แห่งการกราบสักการะ จะมีชีวิตที่อบอุ่น เที่ยงธรรม หนักแน่น มั่งคั่ง มั่นคง










เจ้าแม่กวนอิม ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

จากพระสูตรฝ่ายมหายาน เจ้าแม่กวนอิมมีตำแหน่งเป็น อัครสาวกเบื้องขวา ทำหน้าที่ประดุจธรรมกายของพระอมิตาภพุทธเจ้า ซึ่งเป็นประธานของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศตะวันตก ของพุทธเกษตรในอนันนตจักรวาลทั้ง ๑๐ ทิศ มีหน้าที่โปรดสรรพสัตว์ในพุทธเกษตรให้พ้นทุกข์ สามารถเนรมิตกายเป็นปางต่างๆ ได้ไม่มีขีดจำกัด (เช่น ปางกวนอิมพันมือ) เพื่อให้เหมาะกับการช่วยเหลือสรรพสัตว์ ในคัมภีร์มหายานยุคแรกของอินเดียทรงอยู่ในเพศชาย เรียกว่า "พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์" ต่อมายุคหลังมหายานเจริญมากในจีนได้เพิ่มประวัติพระชาติสุดท้ายว่าพระองค์ลงมาเกิดเป็นพระนางเมี่ยวซ่านพระราชธิดาองค์เล็กของกษัตริย์เมี่ยงจวง 

เมื่อเยาว์วัยเป็นพุทธมามกะ รู้แจ้งในหลักธรรมลึกซึ้ง ได้ตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะบำเพ็ญภาวนา เพื่อหลุดพ้นในสังสารวัฏ พระเจ้าเมี่ยงจวงไม่เห็นด้วย บังคับให้เลือกราชบุตรเขย ดุด่า ขับไล่ทำงานหนัก ที่สุดรับสั่งให้นำตัวราชธิดาไปประหารชีวิต แต่องค์หญิงก็รอดชีวิตมาได้ และไม่เคยนึกโกรธเคืองและเปลี่ยนความตั้งใจ แต่อย่างใด แต่มาไม่นานบาปกรรมส่งผลพระบิดาเกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรงไม่มียารักษาหายได้ ด้วยความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ เจ้าหญิงทรงสละดวงตาและแขนสองข้างเพื่อรักษาบิดาจนหายจากโรคร้าย ว่ากันว่าภายหลังสำเร็จธรรม ได้ดวงตาและพระกรคืนและตั้งจิตสร้างบารมีมหาโพธิสัตว์ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ตั้งใจว่าจะเข้าสู่นิพพานหลังจากช่วยสรรพสัตว์พ้นทุกข์จนหมด ต่อมาคนจีนรู้จักกันในพระนาม "พระโพธิสัตว์กวนอิม"  ผู้อธิฐานสักการะบูชา จะได้พระมหาเมตตากรุณาธิคุณ ช่วยขจัดปัดเป่าทุกข์อุปสรรคปัญหา












พระศรีอริยเมตไตร ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

ตามตำนานพญากาเผือก...เป็นพระโพธิสัตว์ลูกแม่กา  องค์ที่ ๕ บำเพ็ญพุทธวิริยะบารมียาวนานถึง ๘๐ อสงไขย์ หนึ่งแสนมหากัป เต็มบริบูรณ์ดีแล้วจะอุบัติลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ชื่อตามแม่ราชสีห์ว่า "พระศรีอาริยเมตไตรโย" องค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้ ตามพุทธพยากรณ์ว่า หลังพุทธกาลนี้ไป ๕,๐๐๐ ปี หมดอายุพระศาสนา ชาวโลกขาดศีลธรรม จิตใจชั่วร้าย เกิดภัยพิบัติ คนจะอายุสั้นเพียง ๑๐ ปี  ไล่ฆ่ากินกันเป็นอาหาร ฆ่ากันจนหมดโลก มีส่วนหนึ่งที่กลัวบาป พระโพธิสัตว์ได้พาหนีไปหลบภัยจะออกมาแล้วตั้งอยู่ในศีลธรรม คนจึงเริ่มมีอายุยืนขึ้นจนสูงสุดแล้วลดลงมาเหลือ ๘๐,๐๐๐ ปี จะมีพระพุทธเจ้าสังขะจักรพรรดิ ปกครองโลก พระศรีอาริย์ จะเกิดในวรรณะพราหมณ์ เป็นลูกปุโรหิต จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า สั่งสอนธรรมให้พระเจ้าจักรพรรดิ์และคนทั้งโลกให้ได้รู้แจ้งในอริยสัจ ได้อริยทรัพย์เป็นอริยบุคคล มีศีลธรรมเสมอกันหมดด้วยบารมีของพระศรีอาริย์และพระเจ้าสังขะจักรพรรดิ์ ผู้คนทั้งโลกจะตั้งอยู่ในคุณธรรมกตัญญู เมตตา เสียสละ หน้าตาผ่องใสงดงามเหมือนคนอายุ ๑๖ ปี ไม่มีแก่ อายุยืนถึง ๘๐,๐๐๐ ปี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สวยงามประณีตเป็นทิพย์เหมือนเมืองสวรรค์ มีสมบัติของกินของใช้ตามปรารถนา สะอาด สงบ สว่าง มีแต่สันติสุข ไม่มีการทำร้าย ไม่มีกฏหมาย จึงเป็นโลกแห่งธรรมาธิปไตย บูรณะกะตะมหามงคล มหาสมบัติ มีสันติภาพเสรีภาพที่แท้จริง...











พระอุปคุตมหาเถระเจ้า ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง จ.เชียงราย

ทรงชนะพญามาร คุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนา พระอุปคุตมหาเถรเจ้า (พระบัวเข็ม) มีชื่อเต็มว่า "กีสนาค" อุปคุตตะมหาเถระ ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่าไปข้างหน้าอีก ๒๐๐ กว่าปี จะมีพระรูปหนึ่งมีฤทธิ์มาก จะได้ปราบพญามารให้พ่ายแพ้แล้วกลับใจปราถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะอยู่รักษาพระพุทธศาสนาจนครบ ๕,๐๐๐ วัสสา จะอธิฐานอยู่ถึง ๑ กัป ตราบเข้าสู่ศาสนาพระศรีอาริย์ และจะปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต หลังจากปรินิพพาน ๒๑๙ ปี 

พระเจ้าอโศกมหาราช ศรัทธาเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา มีการค้นพบพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด จึงสร้างสถูปเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ บรรจุพระบรมสารีกธาตุทั่วชมพูทวีป เสร็จแล้วดำริจะฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลา ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน เกรงว่าพญามารจะขัดขวาง ปรึกษาพระโมคคัลลีบุตรติสสะมหาเถระ ขอให้เป็นธุระป้องกัน ขณะคณะสงฆ์ปรึกษากันอยู่มีครุฑไล่จับพญานาค ได้มีสามเณรน้อยมีฤทธิ์มากองค์หนึ่ง ช่วยขับไล่พญาครุฑ ช่วยพญานาคไว้ ได้รู้จากเณรว่ามีพระอุปคุตมหาเถระเข้าสมาบัติอยู่สะดึอทะเล จะสามารถป้องกันพญามาร จึงให้พระผู้มีฤทธิ์ ๒ รูป นิมนต์ท่านขึ้นมาทำหน้าที่ ได้ทำการต่อสู้กับพญามารป้องกันพายุฝน ลม ไฟ อันตรายทุกอย่างไว้ได้ 

สุดท้ายได้เนรมิตหมาเน่าแขวนคอพญามาร แม้แต่พระอินทร์ก็ช่วยเอาออกไม่ได้ ต้องกลับมาขอขมาพระมหาเถระ ท่านจึงอธิษฐานมัดพญามารกับภูเขาสุวรรณบรรพต จนงานเฉลิมฉลองสำเร็จ เป็นที่ปิติอย่างยิ่งของพระเจ้าอโศกมหาราช พญามาร อับอายเกิดสังเวชสลดลดจิต ลดทิฏฐิมานะ ระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้น้อมจิตอธิษฐานปรารถนาสร้างบารมีขอเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาตคตั้งแต่บัดนั้น 

กล่าวกันว่า ท่านยังเข้าฌานสมาบัติอยู่สะดึอทะเล วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำตรงกับวันพุธ กลางคืน ท่านจะขึ้นมาบิณฑบาต โปรดผู้ศรัทธาเลื่อมใสให้ได้สมปรารถนา หากมีพิธีกรรมสำคัญจะมีการอัญเชิญพระอุปคุต ขอบารมีคุ้มครองป้องกันงานนั้นมักจะสำเร็จเรียบร้อย ไม่มีอุปสรรคปัญหา










พระยอดขุนพลเวียงกาหลง ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง จ.เชียงราย

ทรงชนะศึก ศัตรูแพ้พ่าย ปัญหาอุปสรรคเวรภัยพินาศ.... เป็นพระเครื่องสำคัญคู่ตำนานเวียงกาหลง ถิ่นแม่กาขาว พระเจ้า ๕ พระองค์.....สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นโดยเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ร่วมยุคสมัยเจ้าแม่จามเทวี อายุประมาณ ๑,๐๐๐ ปี มีหลายแบบพบในวัดสำคัญจังหวัดเชียงราย อ.เชียงแสน เวียงกาหลง พะเยา ลำปาง อ.วังเหนือ ลำพูน เชียงใหม่ เอกลักษณ์เฉพาะของพระยอดขุนพลเวียงกาหลง จะเป็นดินเผาแกร่งทรงเสมา มีพระปางมารวิชัย (ปางชนะมารหรือปางสะดุ้งมาร) ประทับบนแท่น หน้าแท่นเป็นรูปปลา ๒ ตัว หันหน้าเข้าหากัน ด้านบนเป็นซุ้มโพธิ์ ทั้งสองข้างองค์พระมีรูปแม่กากำลังถลาบิน สวยงามมาก พ.ศ .๒๕๔๘ หลวงพ่อพระอาจารย์ธรรมสาธิต เวียงกาหลงได้ขยายแบบทำเป็นองค์ใหญ่ อารธนาหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ อดีตเจ้าคณะภาค ๔,๕,๖,๗ (ธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ประธานสร้างวัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลง เป็นประธานในพิธีหล่อขึ้นมาเป็น ๑ ใน ๙ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นำประดิษฐานบนศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง และนำแบบพระเครื่องพระยอดขุนพลเวียงกาหลงมาจัดสร้างขึ้นใหม่ เพื่อมีให้สักการะบูชาเป็นศิริมงคล อานิสงส์ จะเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ร่มเย็นเป็นสุข มีพลังจิตเข้มแข็ง ชนะข้าศึก ศัตรูแพ้พ่าย ปัญหาอุปสรรคเวรภัยพินาศ บริกรรมรักษาศีลภาวนาจะได้ดวงตาเห็นธรรม พ้นทุกข์ได้...










ท้าวฆติกามหาพรหม ศูนย์พัฒนาศีลธรรมเวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

ตำนานแม่กาขาว พระเจ้า 5 พระองค์     โดยย่อ....
แม่กาขาว ออกไข่ 5 ฟอง ที่ต้นมะเดื่อริมแม่น้ำคงคา (วัดพระเกิด) วันหนึ่งออกหากินบินหลงมาพบป่าอุดมสมบูรณ์ (เวียงกาหลง) หลงเพลิดเพลินสนุกกินพืชพันธุ์ธัญญาหาร พอดีเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ติดอยู่ถึงรุ่งเช้า รีบกลับไปปรากฏว่ากิ่งไม้ที่ทำรังได้หักลงไข่ลูกแม่กาไหลหายไปกับสายน้ำ รีบออกบินวนตามหาเท่าไรก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกอาลัย ที่สุดหมดกำลังตายลงที่เนินเขาลูกหนึ่ง (วัดพระธาตุอักโขชัยคีรี) ได้ไปจุติเกิดเป็นท้าวฆติกามหาพรหม ส่วนไข่พระโพธิสัตว์ ทั้ง 5 ที่ไหลไป ได้มีแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โค แม่ราชสีห์เก็บไปฟักเลี้ยงดู เมื่อเป็นพระพุทธเจ้า ใช้ชื่อตามแม่เลี้ยงว่า กฏุสันโธ โกนาคมโน กัสสโป โคตโม อริยเมตไตรโย..

ไข่ทั้ง 5 ฟักออกมาเป็นมนุษย์ โตขึ้นลาแม่เลี้ยงออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญบารมีได้พบกัน ณ สถานที่หนึ่งโดยบังเอิญ (เขาพนมสัจจ์) พร้อมใจกันอธิษฐานขอพบแม่จริง ท้าวฆติกามหาพรหม รู้ด้วยญาณ จำแลงร่างเป็นแม่กาเล่าความเป็นมาให้ลูกทั้ง 5 ได้ฟัง ต่างเกิดสังเวชสลดใจ จึงพร้อมกันอธิษฐานปรารถนาสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า และได้มาเป็นพระพุทธเจ้า 5 องค์ในภัทรกัปนี้.. 

สุดท้ายขอสัญลักษณ์เพื่อสักการะบูชาแม่กาขาว ให้เอาฝ้ายทำด้ายฝั่นเป็นตีนกา จุดเป็นฝางประทีปบูชาทุกวันพระ 15 ค่ำ เป็นที่มาของประเพณียี่เป็ง จุดเทียนเล่นไฟ แสดงกตัญญูบูชา พระแม่กาเผือกฆติกามหาพรหม และพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ผู้นำแสงสว่างแห่งอริยธรรมมาโปรดชาวโลก ให้มีสติปัญญา รู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สงบร่มเย็น เป็นสันติสุข ทุกคนหากยังไม่เข้าถึงมรรคผล นิพพานในชาตินี้ ยังมีโอกาสได้พบพระพุทธเจ้าศรีอารยเมตไตร ลูกพระแม่กาเผือก องค์สุดท้าย..